article

กีรตัน (kirtana.)

 

คำว่า กีรตัน คือการสวดอ้อนวอนเฉพาะเหล่าเทพแต่ละพระองค์ ถ้าขับเป็นเพลง เรียก ภชัน. สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า (ทางคริสต์. เรียก พระเจ้า)

การส่งเสียง หรือ ออกเสียงเรียก นาท (Nada.)

ลัทธิพราหมณ์ ซึ่งต่อมาเป็นศาสนาฮินดู นับถือ นาท หรือเสียงที่มีอำนาจมากที่สุด คือ โอม.

โอม. กล่าวว่ากัน เป็นเสียงกำเนิดของจักวาล

ก็น่าจะถูกนะ เพราะตอนเสียง Big – Bang น่าจะระเบิด โครม – โอม เลยละ

เรื่องความมหัศจรรย์ และ อำนาจของ โอม เขียนมามากแล้ว จะหยิบยกมาเล่าเฉพาะที่ยังไม่เคยกล่าวถึงเท่านั้น

และที่พอจำกันได้

โอม. ทางพระเวทคือ อ อุ ม พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม

โอม. ทางพุทธหมายถึงพระอรหันต์ วิมุตติธรรม มหาสงฆ์

และโอม. ยังกล่าวว่าเป็นเสียงของจักรวาล มาจาก 3 คุณคือ

สัตวะ คุณ (SATTVAGUNA) ความสงบ เยือกเย็น นิ่ง

ราโชคุณ (RAJOGUNA) ตัณหา

ตัมโมคุณ (TAMASGUNA) ความไม่กระตือรือร้น

และ โอม ยังหมายถึง จิตใจ และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเรา กับอาตมา

หาก ‘อาตมา (Aima)’ อยู่เหนือร่างกายนี้

(คำว่า ปรมาต มัน คือ ปรม + อัตตา)

ตัว โอ ตัว อ และตัว ม เป็นกำเนิดของคำทั้งหมด เรียก นาท – พรหม (NADABRHMA) หรือเสียงแห่งพระพรหม เป็นรากแห่งมนตราทั้งหลาย ต้องสวดครั้งละ 108 ครั้ง คือเท่าจำนวนลูกประคำ

โอม คือ สิ่งไม่มีวันตาย

โอม คือ จักรวาลทั้งหมด

โอม คือพยางค์แห่งการยอมรับ (พระผู้เป็นเจ้า)

โอม. คือ คำร้องขอให้จักรวาลรับฟังคำปรารถนาของเรา

ถ้าจะให้ถูกต้องตามคัมภีร์ สามเวท (สา – มะ – เวด) ต้องออกเสียง ‘โอม โศม’ (OM SHOM) ยามจะประกาศศาสตร์ทั้งหลาย ต้องเริ่มกล่าว โอม. ก่อน

โอม. จึงเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเครื่องรางนำโชคของฮินดู

เห็นไหม แค่ โอม คำเดียว สวด 108 ครั้งแล้วยังมีความหมายร้อยแปด ยังไม่จบหรอกโยม (แปลกนะ โอม กับ โยม. ออกเสียงใกล้กัน)

            อ่านคัมภีร์ของพราหมณ์แล้ว จะไม่ค่อยเหมือนกันหรอก

 

วิม-ลา.