Your address will show here +12 34 56 78
article, Uncategorized

ที่ฝังความรัก – ศรัทธา – ความทรงจำ
.
ตอนเขียนแบบล้านนาเทวาลัย เราแจ้งกับอาจารย์อดุลย์ตั้งแต่แรกเลย

ว่า ขออาณาเขตเล็กๆ สำหรับใช้ฝังอัฐิเรา ชิดอาณาเขตเทวาลัย ไม่ควรอยู่ในเขตเทวาลัย
.
เราสอนลูกทุกคนเสมอมาว่า ความตายเป็นปกติ
แม่เคยเสีย คุณตา – คุณยาย ต่อไปพวกเราก็ต้องเสียแม่
อย่าหอบกระดูกแม่ไปไหนเลย ให้พระแม่ธรณีไปเถอะ
ศรัทธาและความเป็นสุดท้ายของแม่อยู่ที่เทวาลัย ก็เอาไว้ตรงนั้น
.
อาจารย์อดุลย์ มองหน้าเรากับยอดไม่พูดสักคำ
.
แต่มุมหนึ่งของเทวาลัย ใกล้ลำธารบัวบานเต็มลำน้ำ มีสะพานโค้งทอดข้าม สะพานแทนสายรุ้ง ทอดจากพื้นดินสู่สวรรค์
เขตนั้นอยู่จุดหัวนอน “หอรินนิทรา”
ยามมีชีวิต เข้านอนใน หอรินนิทรา
ยามจากไป แค่เลื่อนเราลงมาฝังลงดิน
ตรงนั้นชิดกำแพงหอนอน มีซุ้มกุหลาบสีชมพูอ่อนจางเป็นสีขาว แทนนามปากกาแรกคือ “โรสลาเรน” และมีม้านั่งเก่าๆ แบบโบราณ ยอดสัญญาว่า จะปั้นรูปแม่กำลังนั่งอ่านหนังสือ และเจ้าน้องๆ เห็นพ้องว่า จะต้องมี “เจ้าโบ้” ตัวโปรดนั่งเสนอหน้าอยู่ด้วย
.
กับเรามีเทวดาองค์น้อยมีปีก
กำลังคุกเข่าเปิดหนังสืออ่าน
งานชิ้นนี้จะอยู่ตรงจุดฝังอัฐิเรา
บนหน้าหนังสือที่เปิดอยู่ จะจารนามปากกาทุกนามปากกาไว้
.
เราเตรียม “จุดพักผ่อนสุดท้าย” ของเราแล้ว

เหลือเพียงเราอยากได้ต้นศรีตรังอีกสักต้นเพราะดอกจะเป็นสีม่วงน้ำเงิน เช่นสีหมึกที่เราใช้เขียนต้นฉบับมาแล้ว 64 ปี
.
เราหา ศรีตรัง … หากมีผู้หาสิ่งที่วิเศษกว่านั้นมาให้
.
อาจารย์ด็อกเตอร์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการไร่แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่านนำต้น Jacaranda จาก Queensland ออสเตรเลีย มาให้ถึงเทวาลัย ต้นไม้นี้ถิ่นกำเนิด (ต้นแม่) อยู่ในออสเตรเลีย ดอกสี Violet – Blue (ดูภาพวาดต้นแม่เอาแล้วกัน)
.
ส่งตรงจากออสเตรเลีย สู่กรุงเทพฯ อยู่ที่กรุงเทพฯ 7 วัน
แล้วขึ้นเครื่อง ลงเชียงราย พักอยู่ 2 วัน
วันที่ 3 อาจารย์นคร ใส่รถจากเชียงรายพร้อมคนปลูก
ท่านมายืนคุม ขุดหลุด ปลูกให้เองกับมือ ทันทีที่มาถึงเชียงใหม่
วันนั้น คือ วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2560
วันพิธี สตมวาร (100 วัน) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
เราทั้งหมดถือเป็นต้นไม้ ปลูกถวายวัน สตมวาร จุดที่เตรียมไว้
เรา “หมดสิทธิ์” ไปหาจุดของตัวเองใหม่
(คงแถวๆ .. ปลายพระบาทลงมา ก็เป็น .. ข้าทูลละอองธุลีพระบาทไง)
.
มืออาจารย์นครที่เปื้อนดิน ปรกสองข้าวหัวเราแล้วให้พร “ทุกอย่าง” ที่เตรียมไว้สมบูรณ์
.
ต่อไป … คนที่รักเราและเรารักจะมายืนตรงนี้
อาจจะถาม … ข้างล่างสบายไหม ?
เราจะตอบ …
… ที่นี่ เงียบสงบ เย็น ศานติ
ไส้เดือน กระซิบ ชวนคุยเล่น
รากหญ้า ห่ม กอดรัด ยามหนาวเย็น
ฝัน ถึงวัน โลดเต้น บนแผ่นดิน…
.
เราไม่ตาย ตราบพวกมาเยือน จำเราได้
เราไม่ตาย เพราะอักษร ยังกองเกลื่อน
เราไม่ตาย คนฝันถึง เราไม่เลื่อน
Under the Jacaranda จะเตือน
…..เราอยู่ข้างใต้นั้นไง ….

ล้านนาเทวาลัย

0

news

กิจกรรมสวดมนต์ วันวิสาขบูชา วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564



บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ (สรภัญญะ)
องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน
ตัดมูลกเลศมาร บ่ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว
ราคี บ่ พันพัว สุวคนธกำจร
องค์ใดประกอบด้วย พระกรุณาดังสาคร
โปรดหมู่ประชากร มละโอฆะกันดาร
ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมสานต์
ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย
พร้อมเบ็ญจพิธจัก- ษุจรัสวิมลใส
เห็นเหตุที่ใกล้ไกล ก็เจนจบประจักษ์จริง
กำจัดน้ำใจหยาบ สันดานบาปแห่งชายหญิง
สัตว์โลกได้พึ่งพิง มละบาปบำเพ็ญบุญ
ข้าขอประณตน้อม ศิระเกล้าบังคมคุณ
สัมพุทธการุญ- ญภาพนั้นนิรันดรฯ
.
บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ (สรภัญญะ)
ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาธร
ดุจดวงประทีปชัชวาล
แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สันดาน
สว่างกระจ่างใจมล
ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล
และเก้านับทั้งนฤพาน
สมญาโลกอุดรพิสดาร อันลึกโอฬาร
พิสุทธิ์พิเศษสุกใส
อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข
ปฏิบัติปริยัติเป็นสอง
คือทางดำเนินดุจครอง ให้ล่วงลุปอง
ยังโลกอุดรโดยตรง
ข้าขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจำนง
ด้วยจิตและกายวาจาฯ
.
บทสวดสรรเสริญพระสังฆคุณ (สรภัญญะ)
สงฆ์ใดสาวกศาสดา รับปฏิบัติมา
แต่องค์สมเด็จภควันต์
เห็นแจ้งจตุสัจเสร็จบรร- ลุทางที่อัน
ระงับและดับทุกข์ภัย
โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร ปัญญาผ่องใส
สะอาดและปราศมัวหมอง
เหินห่างทางข้าศึกปอง บ่ มิลำพอง
ด้วยกายและวาจาใจ
เป็นเนื้อนาบุญอันไพ- ศาลแด่โลกัย
และเกิดพิบูลย์พูนผล
สมญาเอารสทศพล มีคุณอนนต์
อเนกจะนับเหลือตรา
ข้าขอนบหมู่พระศรา- พกทรงคุณา-
นุคุณประดุจรำพัน
ด้วยเดชบุญข้าอภิวันท์ พระไตรรัตน์อัน
อุดมดิเรกนิรัตศัย
จงช่วยขจัดโพยภัย อันตรายใดใด
จงดับและกลับเสื่อมศูนย์ฯ
.
คาถาบูชา ดวงพิชัยสงคราม
โอม นะโม เม สัพพะเทวานัง
สัพพะตะระหะ จะเทวานัง
สุริยัญจะ ปะมัญจะถะ
สะสิ ภุมโม จะ เทวานัง
วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ
ชีโว สุกะโร จะ มหาลาภัง
โสโร ราหูเกตุ จะมหาลาภัง
สัพพะ ภะยัง วินาสสันติ
สัพพะทุกขัง วินาสสันติ
สัพพะโรคัง วินาสสันติ
ลักขะณา อะหัง วันทามิ
สัพพะทา สัพเพ เทวา มัง ปาละยันตุ
สัพพะทา เอเตนะ มังคะละเตเชนะ
สัพพะมัง โสตถี ภะวันตุ เต
ขอความสุขสวัสดิ์ จงมีแด่ทุกๆ ท่านค่ะ
0

article

โอม

สักการัสสะ เตชะสา

วิธิมหิ โหมิ เตชะวา

สัจจกิริยา ประสิทธิเม

 

รูป “ดอกบัวสมาธิ” เป็นภาพทางเดินทอดยาวจากประตูเข้าเทวาลัย จนถึงบันไดขึ้น กระทั่งที่กราบเทวรูป ทางเดินจะทำเครื่องหมาย จักรทั้ง 7 เป็นระยะ จากจุดเริ่ม มูลธาร จนถึง สหัสสราระ วิมานพระวิษณุ ดอกบัวพันกลีบ ย้อนไปเปิดหาคำอธิบาย จักรทั้ง 7 ในร่างกายได้

ทางเดินนี้จะให้คนเข้าสู่เทวาลัย ทบทวนจักรในร่างกายตน 

โดยเฉพาะจักร มณีปุระ อยู่กึ่งกลางร่างกายสำคัญมาก จีนเรียก จุดตันเทียน จุดกำลังภายในไง 

0

article
 
อาเตีย เซียนสู
รักของอาเตีย คือ การให้
ไม่มีอะไรที่อาเตีย ให้ ไม่ได้
รวมทั้งการให้อย่างสูงสุด
คือ การสอน คนให้เป็นคน โดยสมบูรณ์
.
อาเตีย เล่าแบบสนุก มากกว่าจะให้ยึดติดกับอะไร
ธรรมมะมิได้มาเพื่อ ตรัสรู้
ธรรม มิได้หายไป เมื่อหลงผิดด้วยอวิชชา
ธรรม มีอยู่เต็มในความว่างทุกหนทุกแห่ง
.
พวกเราทั้ง ลูกและศิษย์ ก็เหมือนคนอ่านในขณะนี้
คือชอบฟัง อภินิหาร นอกจากชอบฟัง ต่อมาคือ
อยากได้ อยากมี อยากเป็น
อาเตีย จะมองหน้า อยากมันเป็นตัณหา!
.
อะไรๆที่อยากได้ ไปส่องกระจกดูเสียมั่ง
มันอยู่บนหน้าผากนั่นแหละ
อาเตียสอนง่ายๆอย่างนี้เสมอ
.
ถ้าไม่ปรุงแต่ง รู้อย่างเด็ดขาดว่า มันไม่มีอะไรเลย
ไม่ตั้งอยู่ ไม่อิงอาศัย ไม่มีทั้งผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำ
อย่าปรุงแต่ง! เท่านั้น จบ
.
อาเตียกวาดตามองแล้วถอนใจ
มันได้ยิน แต่มันล้วนสงสัย ..แล้วไง.. อะไร..
ท่องไว้แล้วกัน ‘งานมานี ปะมีฮัง’
นี่คือคาถาที่ ลูก-ศิษย์ ท่องกันได้ทุกคน
.
ไม่รู้หรอกแปลว่าอะไร
อาอี๊ดจ้ะเตีย/.
.
หลวงก๋ง 21
เซียนสู อาเตีย
0

news, Uncategorized
ล้านนาเทวาลัย

 

พิธีโปรยดอกไม้สีทอง (กลีบดอกดาวเรือง) สร้างเป็นสัญลักษณ์มงคล

เพื่อเป็นบุญถวายแด่องค์เทวา ณ ล้านนาเทวาลัย
.
การบูชาด้วยการโปรยดอกไม้ มีมาตั้งแต่ครั้งในอดีตมาจนกระทั้งถึงสมัยพุทธกาล

ดังปรากฏใน “สุวรรณปุปผิยเถราปทานที่ ๕ (๑๑๕)”
ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกไม้ทอง ๔ ดอก (ดอกดาวเรือง) กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี เชษฐบุรุษของโลก ประทับนั่งแสดงอมตบทแก่หมู่ชนอยู่ มีผู้ฟังธรรม ได้โปรยดอกไม้ทอง ๔ ดอกบูชาแด่พระพุทธเจ้า

ดอกไม้ทองนั้นกลายเป็นหลังคาทองบังร่มตลอดทั่วบริษัท ในกาลนั้น รัศมีของพระพุทธเจ้าและรัศมีทองรวมเป็นแสงสว่างอันไพบูลย์ ผู้พบเห็นมีจิตเบิกบานดีใจ เกิดโสมนัส ประนมกรอัญชลี เกิดปิติสุข 
.
ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม 8 ภาค 2 “อรรถกถาอโวปุปผิยเถราปทาน” มีการกล่าวถึง เถระองค์หนึ่งได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ฟังพระธรรมเกิดความเลื่อมใส จึงเอาดอกไม้ต่างๆ ด้วยมือทั้งสอง เกลี่ยไว้เบื้องบนถวายแด่พระพุทธเจ้า ด้วยบุญกรรมนั้นทำให้ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย . ตามความเชื่อของชาวอินเดีย การโปรยดอกไม้เป็นการแสดงความเคารพ ศรัทธา และยกย่องให้เกียรติแก่ผู้ที่สูงศักดิ์ มักพบในงานมงคลเช่นงานแต่งงาน ความหมายของการโปรยดอกไม้คือการอวยพรให้ปราศจากภยันตรายและให้พบแต่ความโชคดี มีสุข มักพบในการสักการะเทพเจ้าในศาสนาฮินดู
.
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ทางล้านนาเทวาลัยได้ต้อนรับแขกคนสำคัญที่มาเยือนอย่างส่วนตัว
และได้เป็นตัวแทนคณะศรัทธาล้านนาเทวาลัยทุกท่านโปรยกลีบดอกไม้
.
โดยเลือกกลีบดอกดาวเรือง (กลีบสีทอง)
โปรยเป็นลายจักระบัวมงคล ถวายแด่องค์มหาเทพและพลังงานสูงสุด เพื่อให้งานใหญ่ที่ท่านจะจัดทำนั้น สำเร็จลุล่วงตามที่ตั้งไว้

0



ศิวะลึงค์

การเล่าเรื่องตอนนี้จะต้องกล่าวก่อนว่า มาจากคัมภีร์ของ ไศวนิกาย (อ่าน ไศ-วะ ไม่ใช่ ไศว เหมือน ไศล อ่านว่า ไศ-ละ แปลว่า ภูเขา ไม่ใช่ ไศล-ศะไหล) คัมภีร์นี้นับถือพระศิวะเป็นใหญ่ กับอีกนิกาย คือ ไวษณพนิกาย นับถือพระนารายณ์
ผู้นับถือพระศิวะ จะใช้นิ้ว 3 นิ้ว คือนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง
จุ่มเถ้า จากเถ้าเครื่องหอมบูชา หรือ เถ้าจากเชิงตะกอนยิ่งดี
(อินเดียเผาศพบนกองฟอน (กองฟืน) หาเถ้าจากเชิงตะกอนง่าย)
จากนั้นป้ายบนหน้าผากหนาเป็นสามขีด
ถ้านับถือ ไวษณพนิกาย จะป้ายเครื่องหมายคล้ายตัวยู U
บนหน้าผากแต่ละคน จะมีเครื่องหมายเทพเจ้าที่นับถือ
คงจะรวบรวมมาเล่า 
.
เรื่องของเรื่องของพระฤษี (ฝรั่งออกเสียง ริชชี่ ฮินดูออกเสียง ริ-ชิ. คือ ฤ สั้น ษี ก็แค่เสียง จากไรฟัน ลองดูแต่ถ้าฟันหน้าโหว่ น้ำลายจะกระเด็น)
พระฤษีเจ้าเก่า คือ พระ สุตา นั่นแหละท่านว่า พระศิวะทรงหลั่งน้ำอมฤตจากพระหัตถ์ซ้าย จนบังเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมารูปหนึ่ง รวบรัดสะบัดพลสั้นๆนะ เพราะคำอธิบายยาวมาก
บุคคลนั้นมีแสงสว่างดุจพลอยไพริน (ไปขอดูได้จากร้านเพชรว่าสีอย่างไร อย่าซื้อล่ะ ของแท้แพงมาก)
มีดวงเนตรงามเหมือนดอกบัว
มีรูปร่าง ผิวพรรณ ดั่งทองคำ
มีความกล้าหาญยิ่งใหญ่ ไม่มีความเสื่อมสลายในร่างนี้
มีสีกรเป็นห้วงเหวแห่งความยุติธรรม มีความอดกลั้นเป็นเลิศ
ผู้ที่เกิดมานี้ มีพระนามว่า วิษณุเทพ หรือ พระนารายณ์
.
พระวิษณุเทพทรงบำเพ็ญสมาธิ จนรวบรวมน้ำจากสวรรค์เข้าแทรกซึมอยู่ทั่วไปในที่ว่างเปล่านั้นทั้งหมดในห้วงอวกาศ (นาซ่าเคยกล่าวถึงละอองน้ำในอวกาศ) จากนั้นได้ไปบรรทมในห้วงน้ำที่ลึกที่สุด จนได้พระนาม พระนารายณ์ พระผู้มีแผ่นน้ำที่เป็นที่ประทับ (ทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ชีวโมเลกุลเกิดจากน้ำ)
จนเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น 
.
บังเกิดมีดอกบัวใหญ่ออกมาจากสะดือพระวิษณุเทพ
สาปแมว ให้เป็น วิฬาร์
สาปหมา ให้เป็น สุนัข
สาปพยัคฆ์ ให้เป็น เสือโคร่ง
keep reading
0

article


ดอกไม้แห่งนิรันดร์กาล 
ประโยคนี้มิได้เขียนให้ไพเราะเช่นในนวนิยาย แต่จะบอกว่า ดอกไม้แห่งนิรันดร์กาล เป็นดอกไม้ที่สดชื่นอยู่เสมอ ไม่มีวันตาย เป็นดอกไม้ที่บานอยู่ในชีวิตเราเอง
.
จริงหรือที่เราจะไม่ แก่ เจ็บ ตาย
เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เราจะเรียน รู้ ได้และความทุกข์จะค่อยคลายที่ละน้อย
ทุกข์จะผ่านมา แล้วผ่านไป
ทุกข์ ..มันจะเป็นเช่นนั้นเอง..ตถตา
.
ฉะนั้นจากทุกข์นี้เอง ทำให้บังเกิดพระพุทธเจ้า ผู้ทรง ตื่น รู้ เบิกบาน เคยตั้งคำถามกับชาวพุทธเสมอ
พระพุทธเจ้า ทรงบังเกิดเมื่อใด
และ ทรงตรัสรู้อะไร
ธรรมใดที่ทรงแสดง โดยไม่ต้องอาราธนา
บางส่วนจะตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง และบางส่วนก็จะยิ้ม คือ..ไม่รู้.. จึงเป็นปัญหาของชาวพุทธที่แม้แต่รายละเอียดบางประการ เราก็ ‘สักแต่ว่ารู้’ เช่นกัน
ก่อนที่ ‘พระพุทธเจ้าจะทรงบังเกิดนั้น’
ท่านทรงเป็น ..เจ้าชายสิทธัตถะ และทรงเล่าเรียนกับโยคีจนจบ
แต่โยคศาสตร์และเวทศาสตร์ ตอบคำว่า ‘ทุกข์’ ไม่กระจ่าง
กระนั้น บางครั้งยามเอ่ยถึงพระองค์ ยังใช้คำ มหามุนี
และในวันเพ็ญ เดือนหก พระชนมายุ 35 พรรษา
จึงทรง ‘ตรัสรู้’ เป็น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(สมฺมาสมฺพุทโธ = ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ในอริยสัจ 4 โดยไม่ทรงเรียนรู้จากผู้ใด )
.
ฉะนั้นที่ทรงตรัสรู้ก่อนธรรมอื่นๆ คือ อริยสัจ 4 ประการ จากทุกข์ ที่ทรงพยายามหาคำตอบ เพราะเป็นรากเหง้าในหัวใจทุกคนจนทรงทราบ ‘ตลอดสาย’ ถึงเหตุ การดับทุกข์ และหนทางที่จะพ้นทุกข์
และท้ายสุด ทุกข์ มันจากตัวเองทั้งสิ้น
ฉนั้นที่เป็น ‘ตัวเรา’ มันมาจากอะไร
ปฏิจจสมุปบาท คือสิ่งที่อาศัยกันจึงเกิดขึ้น ทุกข์ก็เกิดจากการอาศัยกัน
และนี่คือ ข้อธรรมแรกแห่งการตรัสรู้
และเป็นธรรมที่ทรงแสดง ปฐมเทศนา แก่พระปัญจวัคคีย์
ณ วันเพ็ญ เดือน 8 หลังทรงตรัสรู้ 2 เดือน
อริยสัจ และปฏิจจสมุปบาท จึงเป็นธรรมที่ทรงตรัสรู้ และสอนปัญจวัคคีย์ โดยยังมิต้องอาราธนา และจากปฏิจจสมุปบาท ทำให้คนชาวพุทธ เริ่มรู้ถึง รูปและนาม
.
ห่วงโซ่แห่งชีวิต
วิม-ลา

0

article
ปัญจชันยะ
.
เคยได้ยินชื่อนี้ไหม น่าจะเคยนะ เพียง ‘จำไม่ได้’ ชื่อนี้คือ มหาสังข์ ของมหาวิษณุที่ส่วนใหญ่รู้จักพระนาม ‘พระนารายณ์’ ที่ทางฮินดูถือว่าเป็นเทพฝ่ายบุรุษที่มีรูปลักษณ์งดงามที่สุด สีพระวรกายเป็นสีคราม ในหนังอินเดียผู้แสดงจึงทาสีครามหมดทั้งตัว หากทรงพัสตราภรณ์ สีเหลือง มี 4 พระกร คือ
.
ตรี ด้ามสั้นถ้าด้ามยาวของมหาศิวะ ชื่อ เกาโมทกี
จักร ชื่อ สุทรรศน์ หรือ วัชระนาภ
สังข์ ชื่อ ปัญจชันย(ะ)
ดอกบัว คือ ปทุม (บางทีทรง ธนู ชื่อ ศารงสารณคะ)
.
ที่สำคัญมีพระวลัยแก้ว คือกำไลข้อมือ ชื่อ สยมันตก (ตะกะ) อันมีคุณลักษณะ พิเศษ คือ ผู้สวมจะได้ทองวันละ 8 หาบ แถมป้องกันสารพัดภัย (เราเคยอธิษฐานขอ หากไม่เคยได้)
.
ที่จะเล่าตอนนี้เกี่ยวกับ สังข์ ก่อน รายละเอียดทั้งหมด คอยฟังในกำเนิดเทพ (แบบฮินดู)
.
ประวัติหอยสังข์มีความพิเศษ เพราะยักษ์เคยขโมยพระเวทไปซ่อนไว้ ขอบอกว่า หอยสังข์ทางใต้มหาสมุทรอินเดีย จะตัวใหญ่มาก เปลือกหนา สีสวย ขาวอมฟ้าเทอร์คอยซ์ หรืออมชมพู
.
เมื่อพระเวทหาย พระนารายณ์ก็ต้องทรงตามไปหา เมื่อพบหอยสังข์ ‘เม้ม’ พระเวทไว้ จึงใช้พระหัตถ์บีบตรงปาก หอยจึงคายพระเวทคืน
.
ฉะนั้นหอยสังข์ จึงมีรอยนิ้วพระหัตถ์พระวิษณุ ถ้าใครมีลองพลิกดูและสอดนิ้วลงไปสี่นิ้ว จะลงร่องพอดี หอยสังข์จึงเป็นของพิเศษขึ้นมา
.
1. เมื่อเคยบรรจุพระเวท น้ำที่เทออกมา จึง น่าจะ บรรจุพลังความรู้ไว้ด้วย
2. ผ่านนิ้วพระหัตถ์มหาวิษณุ ย่อมประดุจทรงพลั่งน้ำจากพระดัชนี
.
ฉะนั้นจึงมีการนำมาใช้ในการ ‘หลั่งน้ำ’ พิธีสำคัญ และในกองทัพอินเดียโบราณ (มหาภารตะยุทธ) ใช้เป็นสัญญาณในการรบ จังหวะของการเป่าสังข์เป็นสัญญาณ (ไม่ใช่เป่าปุ๊นเฉยๆ)
.
และจำนวนนับ ไม่ใช่ ชิ้น อัน แต่ใช้ ขอน เหมือนปี่ ใช้ เลา
.
หากสังข์ ถ้าเป็นของทะเล น้ำตื้น ผิวจะบาง ขาว ใช้แค่เป็นของประดับ จะมาทำเป็นสังข์ สำหรับเป่าไม่ได้ ในการประโคมชั้นสูง จะเป่าสังข์เป่างา (ช้าง)ที่เวลาประกอบพิธีกรรมทางเทวาลัย จะใช้ สังข์ และงาด้วย (งาช้างก็เรียก ขอน ซึ่งมีการเจาะรู ใส่ลิ้น ของโบราณที่หายากแล้ว เหมือน มโหระทึก แต่ก่อนใช้ตามวัด เดี๋ยวนี้ไม่รู้หายไปไหนหมด ถ้าปี 64 จัดงานศิวาราตรีได้ คอยฟัง)
.
กับที่แปลกอีกอย่าง คือ สันใน หรือ สันกลางหรือแก่นกลางของหอยสังข์จากมหาสมุทรแหละมีการตัดออกมากลึงเป็นแท่งยาวราว 3 นิ้ว ใช้ร้อยเชือกแขวนคอ ที่คนเคยทักว่า เราห้อยงาช้างหรือ เราตอบว่า..แกนหอยสังข์..ไม่มีใครเชื่อ เพราะบนคอเราคล้ายสีงาช้างจริงๆ หากเรามี 2 แก่น ทว่าสีเป็นแก่นหอย (ยังงกอยู่ เพราะหายาก เบื่อแล้วจะบอก)
.
เมื่อมีอิทธิ ทั้ง งาช้างและหอยสังข์
และมีงาช้างเหลืออยู่ (ไม่ได้เข้าป่า ล่าช้าง หางาหรอก)
จึงให้ สล่า แกะเป็น หอยสังข์ ได้ตัวเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง
.
1. รูปหอย แปลว่า ได้ความรู้ จากพระเวท
2. งาช้าง ของพระพิฆเณศ ได้พ้นภัย พ้นอุปสรรค์ (โควิด มีงาน แต่งาโคจะสู้งาช้างได้ไหม เราจะลอง แล้วเจ้า)
.
วิม-ลา
0