article

นิทาน เนื่องจากวันศิวาราตรี

กาลครั้งหนึ่ง (ครั้งไหนก็ช่าง เป็นการเปิดม่านนิทานทุกเรื่อง) มีนายพราน สุสวาร (บอกชื่อด้วย น่าจะจริง)
 
อยู่ในแคว้น พาราณสี มีอาชีพล่าสัตว์ จับสัตว์ขาย (ตอนนี้ห้ามขาย และ กินสัตว์ป่าแล้ว) วันหนึ่งเข้าไปในป่าจนพลบค่ำ (ในป่า พอตะวันคล้อยจะเริ่มมืด ต้องหาที่พักแรม) โดยเฉพาะคืนนั้นเป็นคืนข้างแรม ยิ่งมืดมาก การพักแรมต้องปืนขึ้นต้นไม้ใหญ่ (กันเสือได้มากกว่ากว่าหมี หมีปืนต้นไม้ได้ แต่เสือกินคน หมีแค่ตะปบเล่น เลือกเอาจะเจอตัวไหน)
 
นิทานเขาว่า ปืนขึ้นต้นไทร แต่ทางไทยว่าน่าจะต้นโพธิ์
เพราะใช้คำ ต้นสักตะ เผอิญโคนต้นมีศิวะลึงค์ ประดิษฐานอยู่
(ต้องมีคนเอาไปตั้งซิ แต่ไม่บอกชื่อ ไม่บอกว่า ทำไม แปลว่า มี ก็แล้วกัน)
 
สุสวาร ชื่อก็แปลว่า ผู้มีวาระเชื่อฟังดี แต่โชคไม่ดี กลัวก็กลัว หิวก็หิว (ข้าว,โรตี) กระหายก็กระหาย (น้ำ) แกก็กระสับกระส่าย และ (มือบอน) เด็ดใบไม้ลงมา คงทิ้งใบไม้น่ะ
 
เผอิญอีก เป็นวัน ศิวาราตรี แรม 14 ค่ำ
(แรม 14 ค่ำ ถือเป็นมืดที่สุดกว่า แรม 15 ค่ำ พระจันทร์ปริ่มจะขึ้น)
(เหมือนวัน Full moon จริงๆ คือแรม 1 ค่ำ)
 
ท่าน สุสวาร จึงทำพิธี ศิวาราตรี โดยไม่ตั้งใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำ
มหาเทพจึงโปรดมาก (เล่าแค่โปรด)
แต่ตอบแก มรณัง แกได้ไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า
แน่นอน .. ดับสนิท ต้องพ้นบาปพ้นกรรมหมด
ได้มาเกิดใหม่ ‘เขา’ ได้เป็นพระราชา นาม ไชตรภาณุ
 
นี่เองจึงควรกระทำพิธีให้ มหิมา จะได้พ้นบาป พ้นกรรม ไปเป็นใหญ่ เป็นโต (อย่าเป็นช้างละกัน)
ทำซะนะ ปีนี้ไม่ทันไม่เป็นไร ปีหน้าอย่าลืม
 
วิม-ลา
————————————-
มีวันย่อยๆ อีกวัน คือ ศิวะ จาตุรทษิ
วัน จาตุรทษิ คือ แรม 14 ค่ำ ของเดือน
ถือกันว่า วันแรม 14 ค่ำ พระจันทร์ จะมืดที่สุด
(ไม่ใช่ แรม 15 ค่ำ ที่พระจันทร์ปริ่มๆ จะเป็นข้างขึ้น)
ทุกวันพระ 14 ค่ำ พระศิวะ จะปรากฏพระองค์
(วันใหญ่ คือ ศิวาราตรี)
เพราะฉะนั้น ทุกวันแรม 14 ค่ำ จะบูชา มหาศิวะได้