Your address will show here +12 34 56 78
article, Uncategorized

ที่ฝังความรัก – ศรัทธา – ความทรงจำ
.
ตอนเขียนแบบล้านนาเทวาลัย เราแจ้งกับอาจารย์อดุลย์ตั้งแต่แรกเลย

ว่า ขออาณาเขตเล็กๆ สำหรับใช้ฝังอัฐิเรา ชิดอาณาเขตเทวาลัย ไม่ควรอยู่ในเขตเทวาลัย
.
เราสอนลูกทุกคนเสมอมาว่า ความตายเป็นปกติ
แม่เคยเสีย คุณตา – คุณยาย ต่อไปพวกเราก็ต้องเสียแม่
อย่าหอบกระดูกแม่ไปไหนเลย ให้พระแม่ธรณีไปเถอะ
ศรัทธาและความเป็นสุดท้ายของแม่อยู่ที่เทวาลัย ก็เอาไว้ตรงนั้น
.
อาจารย์อดุลย์ มองหน้าเรากับยอดไม่พูดสักคำ
.
แต่มุมหนึ่งของเทวาลัย ใกล้ลำธารบัวบานเต็มลำน้ำ มีสะพานโค้งทอดข้าม สะพานแทนสายรุ้ง ทอดจากพื้นดินสู่สวรรค์
เขตนั้นอยู่จุดหัวนอน “หอรินนิทรา”
ยามมีชีวิต เข้านอนใน หอรินนิทรา
ยามจากไป แค่เลื่อนเราลงมาฝังลงดิน
ตรงนั้นชิดกำแพงหอนอน มีซุ้มกุหลาบสีชมพูอ่อนจางเป็นสีขาว แทนนามปากกาแรกคือ “โรสลาเรน” และมีม้านั่งเก่าๆ แบบโบราณ ยอดสัญญาว่า จะปั้นรูปแม่กำลังนั่งอ่านหนังสือ และเจ้าน้องๆ เห็นพ้องว่า จะต้องมี “เจ้าโบ้” ตัวโปรดนั่งเสนอหน้าอยู่ด้วย
.
กับเรามีเทวดาองค์น้อยมีปีก
กำลังคุกเข่าเปิดหนังสืออ่าน
งานชิ้นนี้จะอยู่ตรงจุดฝังอัฐิเรา
บนหน้าหนังสือที่เปิดอยู่ จะจารนามปากกาทุกนามปากกาไว้
.
เราเตรียม “จุดพักผ่อนสุดท้าย” ของเราแล้ว

เหลือเพียงเราอยากได้ต้นศรีตรังอีกสักต้นเพราะดอกจะเป็นสีม่วงน้ำเงิน เช่นสีหมึกที่เราใช้เขียนต้นฉบับมาแล้ว 64 ปี
.
เราหา ศรีตรัง … หากมีผู้หาสิ่งที่วิเศษกว่านั้นมาให้
.
อาจารย์ด็อกเตอร์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการไร่แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่านนำต้น Jacaranda จาก Queensland ออสเตรเลีย มาให้ถึงเทวาลัย ต้นไม้นี้ถิ่นกำเนิด (ต้นแม่) อยู่ในออสเตรเลีย ดอกสี Violet – Blue (ดูภาพวาดต้นแม่เอาแล้วกัน)
.
ส่งตรงจากออสเตรเลีย สู่กรุงเทพฯ อยู่ที่กรุงเทพฯ 7 วัน
แล้วขึ้นเครื่อง ลงเชียงราย พักอยู่ 2 วัน
วันที่ 3 อาจารย์นคร ใส่รถจากเชียงรายพร้อมคนปลูก
ท่านมายืนคุม ขุดหลุด ปลูกให้เองกับมือ ทันทีที่มาถึงเชียงใหม่
วันนั้น คือ วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2560
วันพิธี สตมวาร (100 วัน) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
เราทั้งหมดถือเป็นต้นไม้ ปลูกถวายวัน สตมวาร จุดที่เตรียมไว้
เรา “หมดสิทธิ์” ไปหาจุดของตัวเองใหม่
(คงแถวๆ .. ปลายพระบาทลงมา ก็เป็น .. ข้าทูลละอองธุลีพระบาทไง)
.
มืออาจารย์นครที่เปื้อนดิน ปรกสองข้าวหัวเราแล้วให้พร “ทุกอย่าง” ที่เตรียมไว้สมบูรณ์
.
ต่อไป … คนที่รักเราและเรารักจะมายืนตรงนี้
อาจจะถาม … ข้างล่างสบายไหม ?
เราจะตอบ …
… ที่นี่ เงียบสงบ เย็น ศานติ
ไส้เดือน กระซิบ ชวนคุยเล่น
รากหญ้า ห่ม กอดรัด ยามหนาวเย็น
ฝัน ถึงวัน โลดเต้น บนแผ่นดิน…
.
เราไม่ตาย ตราบพวกมาเยือน จำเราได้
เราไม่ตาย เพราะอักษร ยังกองเกลื่อน
เราไม่ตาย คนฝันถึง เราไม่เลื่อน
Under the Jacaranda จะเตือน
…..เราอยู่ข้างใต้นั้นไง ….

ล้านนาเทวาลัย

0

news, Uncategorized
ล้านนาเทวาลัย

 

พิธีโปรยดอกไม้สีทอง (กลีบดอกดาวเรือง) สร้างเป็นสัญลักษณ์มงคล

เพื่อเป็นบุญถวายแด่องค์เทวา ณ ล้านนาเทวาลัย
.
การบูชาด้วยการโปรยดอกไม้ มีมาตั้งแต่ครั้งในอดีตมาจนกระทั้งถึงสมัยพุทธกาล

ดังปรากฏใน “สุวรรณปุปผิยเถราปทานที่ ๕ (๑๑๕)”
ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกไม้ทอง ๔ ดอก (ดอกดาวเรือง) กล่าวว่า พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี เชษฐบุรุษของโลก ประทับนั่งแสดงอมตบทแก่หมู่ชนอยู่ มีผู้ฟังธรรม ได้โปรยดอกไม้ทอง ๔ ดอกบูชาแด่พระพุทธเจ้า

ดอกไม้ทองนั้นกลายเป็นหลังคาทองบังร่มตลอดทั่วบริษัท ในกาลนั้น รัศมีของพระพุทธเจ้าและรัศมีทองรวมเป็นแสงสว่างอันไพบูลย์ ผู้พบเห็นมีจิตเบิกบานดีใจ เกิดโสมนัส ประนมกรอัญชลี เกิดปิติสุข 
.
ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม 8 ภาค 2 “อรรถกถาอโวปุปผิยเถราปทาน” มีการกล่าวถึง เถระองค์หนึ่งได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ฟังพระธรรมเกิดความเลื่อมใส จึงเอาดอกไม้ต่างๆ ด้วยมือทั้งสอง เกลี่ยไว้เบื้องบนถวายแด่พระพุทธเจ้า ด้วยบุญกรรมนั้นทำให้ท่านท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย . ตามความเชื่อของชาวอินเดีย การโปรยดอกไม้เป็นการแสดงความเคารพ ศรัทธา และยกย่องให้เกียรติแก่ผู้ที่สูงศักดิ์ มักพบในงานมงคลเช่นงานแต่งงาน ความหมายของการโปรยดอกไม้คือการอวยพรให้ปราศจากภยันตรายและให้พบแต่ความโชคดี มีสุข มักพบในการสักการะเทพเจ้าในศาสนาฮินดู
.
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ทางล้านนาเทวาลัยได้ต้อนรับแขกคนสำคัญที่มาเยือนอย่างส่วนตัว
และได้เป็นตัวแทนคณะศรัทธาล้านนาเทวาลัยทุกท่านโปรยกลีบดอกไม้
.
โดยเลือกกลีบดอกดาวเรือง (กลีบสีทอง)
โปรยเป็นลายจักระบัวมงคล ถวายแด่องค์มหาเทพและพลังงานสูงสุด เพื่อให้งานใหญ่ที่ท่านจะจัดทำนั้น สำเร็จลุล่วงตามที่ตั้งไว้

0



ศิวะลึงค์

การเล่าเรื่องตอนนี้จะต้องกล่าวก่อนว่า มาจากคัมภีร์ของ ไศวนิกาย (อ่าน ไศ-วะ ไม่ใช่ ไศว เหมือน ไศล อ่านว่า ไศ-ละ แปลว่า ภูเขา ไม่ใช่ ไศล-ศะไหล) คัมภีร์นี้นับถือพระศิวะเป็นใหญ่ กับอีกนิกาย คือ ไวษณพนิกาย นับถือพระนารายณ์
ผู้นับถือพระศิวะ จะใช้นิ้ว 3 นิ้ว คือนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง
จุ่มเถ้า จากเถ้าเครื่องหอมบูชา หรือ เถ้าจากเชิงตะกอนยิ่งดี
(อินเดียเผาศพบนกองฟอน (กองฟืน) หาเถ้าจากเชิงตะกอนง่าย)
จากนั้นป้ายบนหน้าผากหนาเป็นสามขีด
ถ้านับถือ ไวษณพนิกาย จะป้ายเครื่องหมายคล้ายตัวยู U
บนหน้าผากแต่ละคน จะมีเครื่องหมายเทพเจ้าที่นับถือ
คงจะรวบรวมมาเล่า 
.
เรื่องของเรื่องของพระฤษี (ฝรั่งออกเสียง ริชชี่ ฮินดูออกเสียง ริ-ชิ. คือ ฤ สั้น ษี ก็แค่เสียง จากไรฟัน ลองดูแต่ถ้าฟันหน้าโหว่ น้ำลายจะกระเด็น)
พระฤษีเจ้าเก่า คือ พระ สุตา นั่นแหละท่านว่า พระศิวะทรงหลั่งน้ำอมฤตจากพระหัตถ์ซ้าย จนบังเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมารูปหนึ่ง รวบรัดสะบัดพลสั้นๆนะ เพราะคำอธิบายยาวมาก
บุคคลนั้นมีแสงสว่างดุจพลอยไพริน (ไปขอดูได้จากร้านเพชรว่าสีอย่างไร อย่าซื้อล่ะ ของแท้แพงมาก)
มีดวงเนตรงามเหมือนดอกบัว
มีรูปร่าง ผิวพรรณ ดั่งทองคำ
มีความกล้าหาญยิ่งใหญ่ ไม่มีความเสื่อมสลายในร่างนี้
มีสีกรเป็นห้วงเหวแห่งความยุติธรรม มีความอดกลั้นเป็นเลิศ
ผู้ที่เกิดมานี้ มีพระนามว่า วิษณุเทพ หรือ พระนารายณ์
.
พระวิษณุเทพทรงบำเพ็ญสมาธิ จนรวบรวมน้ำจากสวรรค์เข้าแทรกซึมอยู่ทั่วไปในที่ว่างเปล่านั้นทั้งหมดในห้วงอวกาศ (นาซ่าเคยกล่าวถึงละอองน้ำในอวกาศ) จากนั้นได้ไปบรรทมในห้วงน้ำที่ลึกที่สุด จนได้พระนาม พระนารายณ์ พระผู้มีแผ่นน้ำที่เป็นที่ประทับ (ทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ชีวโมเลกุลเกิดจากน้ำ)
จนเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น 
.
บังเกิดมีดอกบัวใหญ่ออกมาจากสะดือพระวิษณุเทพ
สาปแมว ให้เป็น วิฬาร์
สาปหมา ให้เป็น สุนัข
สาปพยัคฆ์ ให้เป็น เสือโคร่ง
keep reading
0




เขียนแบบล้านนา หากคนไทยโบราณก็จะออกเสียง ‘วันเพ็ง’ คล้ายๆ กัน
ทางเทวาลัยเคยทำพิธี ‘ลอยกระทง’ ที่…คูเมืองหน้าเทวาลัย…เพราะผังการสร้างเทวาลัย จะเป็นเมืองน้อยๆ มีค่ายคู ประตูหอรบ ชั้นนอกและชั้นใน บางคนว่าคล้าย เอโดะ ของญี่ปุ่น
.
เอาเป็นว่า ใครไปเทวาลัย จะได้ลอยกระทง ‘พิษฐาน’ ในคูเมืองหน้าเทวาลัย (คนโบราณ เรียก พิษฐาน มากกว่า อธิษฐาน) ฉนั้นจะได้อานิสงส์
.
1. ลอยกระทง รำลึกถึงพระคุณ ดิน น้ำ ลม ไฟ
2. ถวายแทบเบื้องพระบาทพระพุทธองค์ ณ ริมน้ำ อโนมานที
3. ถวายเทวะทุกพระองค์ในเทวาลัย
4. การลอยใน คูเมือง เป็นการถวายบรมกษัตริย์ และได้อานิสงส์เป็นอำนาจ ที่เชียงใหม่ก็ลอยในคูเมือง ถ้ากรุงเทพฯ จะผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านพระบรมมหาราชวงศ์ คือ .. สมมติว่า กระทงของเราลอยตลอดรอดฝั่งไปนะ..
.
ฉนั้นการลอยกระทง วันเพ็ง อันเป็นเดือน 12 ทางจันทร์คติ ถือว่าเป็นเพ็งสุดท้ายของปี และวันพระสารีบุตร (อุปติสสะ) นิพพาน พระโมคคัลลา = คาจิตะ
.
พิษฐานเอย สองมือประคองกระทง บุษบาบานชื่น
ขอให้ชีวิตเพิ่มสุข ความทุกข์ลอยตามน้ำ
ขอให้ภัยพาล เหมือนเผาเป็นควันไฟ
กระทงเอ๋ยจงลอยไป ปีหน้าพบกันใหม่นะเจ้าเอย/.
 
 
0



“กฤษณมูรติ. แห่งการเข้าใจชีวิตฯ” แปลโดย คุณโสรีช์ โพธิแก้ว
.
วันนี้อยากให้หลายๆ คนลองอ่านจะ ‘เข้าใจชีวิต’ ความขัดข้องใจ ปัญหา และอุปสรรคหลายอย่าง ‘โดยถ่องแท้’
จะยกคำถามในหนังสือมาสักข้อ
.
..เหตุใดความปรารถนาของเราจึงไม่เป็นจริง เหตุใดจึงมีอุปสรรคมากมายที่ขัดขว้างเรา ไม่ให้ได้ทำ ในสิ่งที่ปรารถนาให้สมบูรณ์ ..
คำตอบของท่านกฤษณมูรติ จะยกย่อมาสั้นๆ เพราะใครปรารถนาจะรู้จริง จะต้องอ่านทั้งเล่ม 369หน้า จึงสมบูรณ์ ก็ทำไมจะอ่าน เพราะขณะนี้ผู้อ่านข้อความนี้ ก็คงมีปัญหา และอุปสรรคในใจมิใช่หรือ 
.
ทุกข์อยู่ที่ท่าน เกิดด้วยท่าน มิได้มาจากที่อื่นเลย ท่านกฤษณมูรติ กล่าวว่า .. ถ้าต้องการให้ความปรารถนาของตัวเองสมบูรณ์ ต้องใส่ใจในการกระทำนั้นโดยไม่หวังผลจึงจะพึงได้กัน ไม่หวังให้ความปรารถนานั้น ตอบสนองความต้องการของตน ท่านจะไม่มีความกลัวว่า อุปสรรคจะเกิดหรือไม่เกิด หรือมีสิ่งกีดขวาง  จะทำความปรารถนาให้สมบูรณ์ โดยไม่หวังผล 
.
ภาวะที่ตนเองเป็น จะแตกต่างกับภาวะที่ตนเองอยากเป็น ในภาวะที่ ‘อยากเป็น.’ จะพบเมฆหมอกแห่งความกังวลใจอยู่เสมอ ความ ‘ไม่เต็ม’ จะเกิดขึ้น เพราะ ‘ความอยาก’ ของเราไม่เคยเต็ม ความต้องการ จะมีมากกว่าความมีอยู่ ผู้ใดมีความอิสระ จากความปรารถนาที่จะได้ การเป็นตนเองแท้ๆ จะเกิดขึ้น
.
จงมองดูว่า มันจะเป็นอย่างที่มันเป็น ‘ตถาคตา’ มันจะเป็นภาวะเหนือกาลเวลา มันจะไม่คิดถึง‘การเติมเต็มให้ตัวเอง’ เพราะ..ในที่สุด มันจะเติมเต็มให้ตัวเอง ความว่างมีอยู่ และเป็นอยู่ ในทุกสรรพสิ่ง ถ้าอธิบายละเอียด ลองอ่าน ‘ปรัชญาปารมิตา’
.
..ตัวเรา โลก ความคิด ความเชื่อ มี ‘ความว่าง’ ที่อาศัยสิ่งอื่นมาประกอบเป็นตัวตน และ สรรพสิ่ง เปลี่ยนแปลงเสมอ..
..เช่นกัน ลองหยุดคิด..วันวานเหมือนวันนี้หรือ วันนี้ ไม่มีเพราะพรุ่งนี้จะเปลี่ยน อดีต ปัจจุบัน อนาคต จริงหรือ ?
.
เรา/.
उมยันติ่ .
0

วันดีวาลี (Diwali) หรือ ทีปาวลี พิธีไหว้พระแม่ลักษมี ณ ล้านนาเทวาลัย
จัดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 24 ตุลาคม 2565 แรม 14 ค่ำ เดือนสิบเอ็ด
คุณยายท่านเคยกล่าวถึงวันนี้ว่า
“เป็นวันสำคัญมาก เพราะเป็นวันที่พระแม่ลักษมี เทวีแห่งโชคลาภ จะเสด็จเยือนทุกบ้าน ประทานโชคลาภให้ จึงต้องจัดพิธีคอยรับพระแม่แห่งโชคลาภ”
(สามารถตามอ่านโพสได้ที่ คลิก >> https://www.facebook.com/lannadevalai/posts/1762968797185795)
.
เนื่องจากพิธีการได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทางเรามีภาพบรรยากาศลงให้รับชมค่ะ 
คลิก >> https://www.facebook.com/search/top?q=24%20%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%202565%20%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5
 

 
0

วันดีวาลี (Diwali) หรือ ทีปาวลี พิธีไหว้พระแม่ลักษมี ณ ล้านนาเทวาลัย
จัดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 24 ตุลาคม 2565 แรม 14 ค่ำ เดือนสิบเอ็ด
คุณยายท่านเคยกล่าวถึงวันนี้ว่า
“เป็นวันสำคัญมาก เพราะเป็นวันที่พระแม่ลักษมี เทวีแห่งโชคลาภ จะเสด็จเยือนทุกบ้าน ประทานโชคลาภให้ จึงต้องจัดพิธีคอยรับพระแม่แห่งโชคลาภ”
(สามารถตามอ่านโพสได้ที่ คลิก >> https://www.facebook.com/lannadevalai/posts/1762968797185795)
.
เนื่องจากพิธีการได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทางเรามีภาพบรรยากาศลงให้รับชมค่ะ
0