article

โอม. โศม

 

(ศ. ออกเสียงคล้าย ฉ แต่สั้น)

แค่ความหมายของคำว่า โอม. ก็หนักหนา ‘สาหด’ คือ มากกว่า สาหัส เพราะสาหดคือถอดใจเลิกเรียนพระเวทไปก็ได้ แต่ถ้าท่อง โอม..โอม ไปแค่ ล้านครั้ง ก็จะมีตั๋วขึ้นสวรรค์อยู่ในมือแล้ว

โอม. นะจ๊ะ อย่า อม. ของใครเขาไป จะได้โรง (พัก)

ในคัมภีร์ เตรติยะ อุปนิษัท กล่าวว่า โอม. ที่ท่องกัน จะเป็นที่รักของผู้คน  การกระทำใดด้วย กายวาจาใจ จะสำเร็จทุกอย่าง

โอม.ไม่มีการเกิดและการสิ้นสุด

โอม. ก่อกำเนิดการสร้าง เหนือกาลเวลา (ก่อน Big Bang ไม่มีเวลา ) เป็นการ

แพร่กระจาย อยู่เหนือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต (ลองอ่าน ฟิสิกส์ควอนตั้มดู จะถามตัวเองว่า..มันก็เป็นการกำเนิดจักรวาลจริงๆ)

การทำสมาธิที่จะได้ผล ต้องใช้ ชโยติ (Syoti) หรือต่อเสียง นาท (Nada)

การตระเตรียม การทำสมาธิ กรือ กีรตัน (สวดมนตร์)

ใช้สถานที่ธรรมดา เรียบง่าย แต่ต้อง สะอาด มีระเบียบ มีรูปบูชา ถ้าเป็นชาวพุทธ ใช้พระพุทธรูป ถ้าจะสวดถวายเทพ จะเลือกเทวรูป องค์ที่ชอบ และหรือ หลายพระองค์ที่ชอบ

แต่มิใช่วางเทวรูป ทุกปาง ทุกองค์ จนรก

ดอกไม้ (หอม) ธูปหรือกำยานหอม น้ำมันหอม

(ถ้าจุดเทียน ต้องดับเทียนก่อนเลิกกระทำพิธี

มิเช่นนั้น จะกลายเป็นจุดไฟเผาบ้าน ถวายเทพ ‘หมดสิ้น’ ไปจริง)

และต้องมี สายประคำ จะได้นับให้สวดมนตร์ได้ครบ 108 จบ

ทางพุทธถ้าสวด ‘ธรรมจักร’ ครบ 108 คงสวดหัวค่ำถึงเช้า

ที่นั่ง ใช้ผ้าสะอาดปู กันเจ็บ และมดตัวเล็กๆกัด (มารมันมาจริงๆ)

ทางโยคี ต้องใช้หนังเสือหนังราชสีห์ปู แสดงความยิ่งใหญ่

(เราไม่เคยเห็น ราชสีห์ เห็นแต่สิงโต)

จากนั้นหลับตา สวดมนตร์ ทำสมาธิ เพ่งที่ปลายจมูก หรือระหว่างการหัวคิ้ว คือ จุดอาชญะ

หรือ จุดหัวใจดอกบัว (หฤ-ปัทมะ Padma) คือ จุดอนาหตะ กลางอก

ถ้าเก่งมากจะเพ่งที่จุด ดอกบัวพันกลีบ กลางกระหม่อม คือ จุด สหัสราระ

การกระทำสมาธิ ที่ดีที่สุดเป็นของ ลัทธิ โยคี คงเล่ารายละเอียดของลิทธินี้ต่อไป เพราะมีมาก่อน พราหมณ์

อยู่ในยุคพระเวทต้นๆ ซึ่งไม่เหมือนกันหรอก แต่เรามักเข้าใจรวมๆกัน

คนไทยจึงนับถือ พุทธ – พราหมณ์ – ผี

ปนกันได้ ‘สนิท’ เลย. (เราจึงเป็น Wicci. ไง)

วิม – ลา.