article

วิคซี (Wicce)

เมื่อวางปากกาจาก ‘ตระหนักรู้’ และ..ตามเคย ‘ท่านศรุติธร’ ก็จะเงียบลง เราขอย้ำอีกครา

ทุก ‘ท่าน’ เราแค่..รู้..มิใช่..เห็น..บางทีอาจพอ ‘เดาภาพเบลอๆได้’ หากก็พอรู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ขอบอก..ไม่เคยได้เห็นจริงๆ ชัดแจ้ง อย่างที่เขาพูดกัน และเราก็อยากเห็น ทว่า..ไม่เคยเห็นจริงๆชัดแจ้งนั่นแหละ

เมื่อ ‘รู้’ จนตระหนักรู้
เราถูก..ต้อน..มายืนริมฝั่งของวัฏสงสาร
เราถูกทิ้งให้ยืนโดดเดี่ยว หาทาง ‘ข้ามวัฏสงสาร’ ไปเอง

สิ่งที่เรา นิมิต ต่างจาก ฝัน เคยอธิบายไว้ตอนไหนสักแห่งว่า

“ฝัน” คือหลับ ไปทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
พอ “ตื่น” จะจำได้รัวลาง ท้ายสุดจะลืม
“นิมิต” คือหลับสนิท แต่การไปทำอะไร เห็นอะไร แจ่มใสชัดเจน
พอ “ตื่น” จะจำได้แม่นยำ ทบทวนกี่ครั้ง ภาพนั้นจะแม่นยำดังเก่าเสมอ

ฉนั้นขณะที่เล่า จะยังเห็นภาพชัดเจน แม่นยำ ..เรายืนอยู่ริมน้ำ ที่ท่านศรุติธร ทิ้งเราไว้ แม่น้ำใหญ่ กว้างสุดสายตา มองไม่เห็นฝั่งตรงข้าม เห็นแต่..

ผืนน้ำ ดำปนน้ำตาลเข้ม เป็นชั้นหนาเหมือนชั้นมันหมู
เวลากระเพื่อมนิดๆ กระเพื่อมทั้งชั้น น่ากลัว

เรายืนดูแต่ฝั่งด้านที่ยืนอยู่ เป็นท่าเรือ หลายท่า มีผู้คน ขึ้น – ลง เรือ ฟากเดียวกัน เราถามอย่างสงสัย

…ไม่มีเรือข้ามไปฝั่งโน้นหรือ..

ใครบางคนบอกว่า …ไม่มีหรอกฝั่งโน้น..
เราเถียงว่า …มี ฝั่งโน้นมี..
ไม่มีใครตอบอีก แต่เราแน่ใจ ..ต้องมี ต้องข้ามไป

เราได้เรือเล็กที่เคยเล่าไว้ใน ‘สนธยากาล’ ว่าเป็นเรือเข็ม กับพายไม้เก่า ปลายใบพายกร่อน เรายืนกลางเรือ ชูใบพาย ตั้งใจมั่น เราจะข้ามด้วยเรือเล็ก เก่า ผุ ไปให้ได้

..ล่ม จมนะ..

ใคร เตือนอีก เรือยุบ – ขึ้น – ลง ระหว่างยอดคลื่นเล็ก เรา ..เกลียด กลัว น้ำเมือกดำๆ ยิ่งกว่าน้ำเน่าเราชูพายเก่าๆ ค้าง แล้วเรา..ไม่ได้ยินจากโสต หากมันดัง ‘ภายใน’ เอง

คเต คเต ปรคเต ปรสมฺคเต โพธิ สวาหา
(ไป..ไป..ไปสู่ฝั่งอื่น..ขึ้นไปสู่ฝั่งอื่น..เพื่อความรู้แจ้ง)
ปรัชญาปารมิตาสูตร!
ปรัชญาปารมิตา พระธารณี บทสวดสุดท้าย

เราลืมตา ..ท้องฟ้ากระจ่างด้วยลำแสง สูริยเทพอ่อนๆ พระอรุณเบิกฟ้า อุษาเทวีเสด็จจร

อยากฟังต่อไหม
วิคซี.